top of page
Pokpong Pothikhun

ทรงจมูก ทรงไหนสวยและรับกับใบหน้า

อัปเดตเมื่อ 17 ต.ค. 2563

ทรงบาบี้ ทรงพินอคคีโอ้ ทรงแดจังกึม ต่างๆนานาแล้วแต่ว่าใครจะตั้งว่าอะไร เคยได้ยินกันมั่งมั้ยคับ ทำไมมันถึงออกมาเป็น ทรงจมูก ต่างๆ ได้ สงสัยมั้ยครับ มันก็ต้องขึ้นมันอะไรบางอย่างนะสิ วันนี้ผมขออธิบายถึงทฤษฎีอยู่เบื้องหลัง ทรงจมูก ต่างๆเหล่านี้กัน


ผมขอแบ่งว่าในการประเมินนั้น เราควรประเมินจาก 2 มุมมอง หลักๆคือ หน้าตรงและหน้าด้านข้าง โดยที่ หน้าตรงเราจะดูที่ความกว้างของแต่ละส่วนของจมูก,ความสั้นยาวของจมูก และหน้าด้านข้างเราก็จะดูที่องศาต่างๆ ของจมูกเหมือนเทียบกับใบหน้าของเรา


 

อย่าลืมรับชมภาพเคสรีวิวได้ดีที่ >>> รวมภาพรีวิวเคสปกป้องคลินิก

 

ทรงจมูกเวลาหน้าตรง

เราทำการแบ่งหน้าออกเป็นสามส่วน ตามหลักการคือแต่ละส่วนควรจะมีความยาวพอๆกัน หรือพูดอีกอย่างก็คือจมูกควรจะยาวเท่ากันส่วนบนและส่วนล่างของใบหน้า ถ้าสั้นกว่าส่วนอื่นๆนั้นก็แปลว่า จมูกสั้นเกินไป

ถ้าสนใจอยากจะทำความเข้าใจเรื่องจมูกสั้นอ่านต่อได้ที่ --> จมูกสั้นเนื้อน้อยทำจมูกอย่างไรดี


ส่วนในกรณีความกว้างของจมูกนั้น ก็จะเน้นว่าไม่ควรมีความกว้างเกินบริเวณเส้นประ ซึ่งก็คือเส้นที่ลากจากหัวตาลงมา


องศาที่ใช้วัดทรงจมูก(หน้าด้านข้าง)

รูปทรงจมูกเวลาหันข้างนั้นเป็น รูปทรงที่ทุกคนต่างสนใจกันมากที่สุด และในโซเชึยลก็มักจะพูดถึงทรงจมูกเวลาหันข้างกันตลอด แต่ผมจะลองแสดงให้เห็นอีกมุมดูว่าทรงจมูกที่เหมาะสมควรเป็นแบบไหนตามทฤษฎีกัน


องศา 4 องศานี้เป็นตัวกำหนดรูปทรงจมูกด้านข้างของเราเอาไว้ทั้งหมด


องศาแรก (nasofrontal angle)

จมูกของคนเราเวลาเราหันด้านข้างก็มีแค่องค์ประกอบเหล่านี้ องศาแรก (nasofrontal angle รูปที่ 1) คือความสูงของจมูกบริเวณหัวตาเมื่อเทียบกับหน้าผากและสันจมูก พูดสั้นๆง่ายๆคือ ควรจะเป็นมุมป้านหน่อย ง่ายกว่านั้นอีกก็คือควรจะต่ำกว่าหน้าผากเล็กน้อย นั้นก็คือ slope ที่ใครต่อใครพูดถึงกัน คือถ้าเป็นมุมฉาก นั่นก็แปลว่าดั้งหักเกินไป ถ้าเป็นเส้นตรงก็แปลว่าดั้งโด่ง ดูทรงแข็งเกินไป


นั่นแปลว่า ถ้าหน้าผากเราไม่ได้โหนกนูนหรือหน้าผากดูแบนๆนั้น การทำจมูกบริเวณนี้ก็ไม่ควรจะสูงเกินไป เพราะจะทำให้ดูจมูกแข็งเกินไป


องศาในบริเวณนี้สำหรับผู้ชายอาจจะกว้างหน่อย คือดั้งก็จะดูโด่ง สันจมูกชัดหน่อย ถ้าในผู้หญิงก็จะเน้นความสโลป คือความสูงจมูกบริเวณหัวตาต่ำหน่อย ซึ่งจะทำให้ดูหวานขึ้น





องศาที่สอง (nasolabial angle)

คือ องศาบริเวณปลายจมูกเมื่อเทียบกับปาก ถ้าในผู้หญิงก็อาจจะเป็นประมาณ 100-110 องศา ก็คือให้มุมกว้างกว่ามุมฉากหน่อย จะให้ความรู้สึกว่าปลายดูพุ่ง เชิ่ด ถ้าในผู้ชายก็อาจจะต้องให้องศาประมาณมุมฉาก (ถ้าผชปลายเชิ่ดๆ ก็คงจะดูไม่แมนซักเท่าไหร่เน๊าะ) และถ้าเปรียบเทียบระหว่างผญคนแถวบ้านเรากับเกาหลี องศาตรงนี้ของคนเกาหลีจะกว้างกว่าเราเล็กน้อย แต่!!!!! คนเค้ามีค่าเฉลี่ยความยาวจมูกที่ยาวเราค่อนข้างมาก การที่องศาเค้าดูกว้างหรือเหินจึงไม่ทำให้จมูกเค้าดูสั้น


ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าองศาที่ปลายจมูกเป็นตัวกำหนดความยาวของจมูกได้เช่นกัน ถ้าองศาแคบลง จมูกจะดูยาวขึ้น หรืออาจจะดูเป็นหยดน้ำ แต่ก็อาจจะดูพุ่งน้อยลง ถ้าองศากว้างขึ้น(เหิ่นขึ้น) จมูกจะดูสั้นลงเล็กน้อย แต่ก็จะดูพุ่งไปข้างหน้าขึ้นมากขึ้น


ทีนี้ผมอยากจะขยายความซักเล็กน้อยแบบนี้ครับ ผมเจอคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาแล้วบอกว่าอยากได้พุ่งๆ พุ่งด้วยหยดน้ำด้วย สำหรับตัวผม ผมอยากจะเล่าอย่างนี้ครับ คำว่าพุ่งในความหมายผมคือ องศาที่ 2 หรือ nasolabial angle เนี่ย กว้างกว่า 90 องศา ส่วนหยดน้ำเนี่ยแปลว่า องศาส่วนนี้ น้อยกว่า 90 องศา ซึ่งแปลว่า 2 สิ่งนี้มันคนละทางกันเลยครับ เหมือนทางคู่ขนาน ไม่มีมีทางบรรจบกัน จะมาอยู่ในคนๆเดียวกันไม่ได้ครับ



สององศาสุดท้าย (facial convexity and total facial convexity)

คนไทยมักจะอยากได้ทรงจมูกแบบคนเกาหลี ดังนั้นผมจะลองเทียบกับจมูกคนเกาหลีแล้วกันนะครับ องศาสุดท้ายนี้คนเกาหลีจะมีองศาที่แคบกว่าของคนไทย แคบกว่าแปลว่าอะไร ก็แปลว่าถ้าจากรูปที่ 3 คือมีส่วนกลางของใบหน้าที่เด่นกว่าหรือพุ่งมาด้านหน้ามากกว่าบริเวณคาง ถ้าจากรูป 4 ก็คือ ส่วนปลายจมูกที่พุ่งเด่นกว่า คือใบหน้าคนเกาหลีจะมีส่วนกลางของใบหน้าและปลายจมูกที่เด่นนั่นเอง


ดังนั้นถ้าเราต้องการทรงสโลปปลายพุ่งแบบเกาหลี ก็คือ องศาแรก เป็นมุมป้านที่แคบๆหน่อย องศาที่สองที่กว้างเกิน 90 องศาหน่อย แล้วก็องศาสุดท้าย ให้ดูแคบหน่อย เพื่อให้ปลายจมูกเด่นขึ้นนั่นเอง


รูปนี้เป็นคนไข้จริงที่มาเสริมจมูก before and after ดูคร่าวก็ดูเปลี่ยนไปเยอะ คือปัญหาที่คนไข้รายนี้อยากแก้ไข้คือ สันจมูกระดับเดียวกับดวงตาของคนไข้ค่อนข้างต่ำ อยากให้มีสันชัดมากกว่านี้ กับเค้าไม่ชอบปลายจมูกที่งุ้มลงของเค้าเนื่องจากทำให้หน้าดูดุและมีอายุ การแก้ไขถ้าทำตามต้องการของคนไข้ ดูแล้วรูป after ก็น่าจะตอบโจทย์ แต่ทีนี้ผมอยากให้เราลองมาดูมุมต่างๆกันที่ได้อธิบายไปข้างต้นครับ ลองมาลากเส้นกัน


จากลูกค้าคนนี้ องศาแรกหลังทำจมูก (สีแดง) จะเห็นว่าก่อนทำดูแคบเกินไป หลังทำองศาก็จะกว้าง

ขึ้น องศาที่สอง (สีน้ำเงิน) ก็แคบไปเช่นเดียวกันในรูปก่อนทำ หลังทำก็จะเห็นว่าองศากว้างขึ้นปลายจมูกเชิ่ดขึ้น ความงุ้มของปลายจมูกก็ลดลง องศาที่สาม (สีเขียว) จะเห็นว่าดูแคบลงซึ่งก็แปลว่าปลายจมูกพุ่งขึ้นนั่นเอง



หรืออีกตัวอย่างนึง ลองมาดูกันแบบไม่ต้อง ลากเส้นบ้าง (ขี้เกียจทำครับ555) จะเห็นว่าก่อนทำ องศาแรกหรือบริเวณหัวตา แทบจะเป็นมุมฉากเลย แสดงว่าสันหักเกินไป ส่วนองศาที่สองหรือองศาที่ปลายจมูก ก็ดูเหินมากๆ ดูเป็นมุมป้านที่กว้างมากๆ หลังจากทำการแก้ไขไป จะเห็นว่าองศานี้แคบลงใกล้เคียง 90 องศามากขึ้น ทำให้จมูกดูยาวมากขึ้นด้วยนั่นเอง

สรุป

ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าในการทำจมูกให้ได้มาทรงที่ต้องการนั้น อยากให้คำนึงถึง problem-based มากกว่า คือจะทำให้เราเข้าใจว่าปัญหาเราคืออะไร ซึ่งมักจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการที่เราคิดถึงทรงที่เราอยากได้ก่อน บางทีอาจจะไม่เข้ากับเราก็ได้ จริงๆการทำศัลยกรรมก็เหมือนกับการสร้างบ้าน หน้าที่ของ architect ก็คือการออกแบบให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานในแต่ละบุคคล ซึ่งหมอก็เช่นกันครับ เฉียบ!!!


อย่าลืมรับชมภาพเคสรีวิวได้ดีที่ >>> รวมภาพรีวิวเคสปกป้องคลินิก



ติดต่อเรา สามารถติดต่อได้ที่ ==>








ดู 24,285 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page