เมื่อพูดถึงการทำจมูก เรามักจะนึกถึงซิลิโคนซึ่งเป็นของคู่กันไปแล้ว แต่หลังๆมานี่ใครหลายๆคนก็คงเคยได้ยินวัสดุอีกอย่างนึงที่เรียกว่าเนื้อเยื่อเทียมกันมาบ้าง ในบทความนี้ผมจึงรวม 2 สิ่งนี้ ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในการทำจมูกเหมือนกัน โดยเขียนอธิบายอย่างละเอียดแบบไม่มีที่ไหนทำมาก่อน
อย่าลืมรับชมภาพเคสรีวิวได้ดีที่ >>> รวมภาพรีวิวเคสปกป้องคลินิก
ซิลิโคนคืออะไร
ซิลิโคน ก็คือพลาสติกสังเคราะห์ครับ ซึ่งก็พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน แต่ซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูกมีความแตกต่างจากซิลิโคนเหลานั้นอย่างไรล่ะ
เกรดซิลิโคน
เนื่องจากซิลิโคนเราสามารถนำมาใช้ได้ในหลายๆด้าน เราจึงแบ่งง่ายๆออกเป็น
1. industrial grade เป็นซิลิโคนที่ใช้สำหรับทำวัสดุที่ใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ
2. medical grade ใช้ในอุปกรณ์การแพทย์ แต่ไม่เหมาะนำมาใช้ในการเสริมจมูก
3. implant grade เป็นเกรดที่เหมาะสมให้การเสริมจมูก มีการวิจัยระยะยาวถึงผลข้างเคียง ถึงเรื่องพิษสะสมและสารก่อมะเร็ง
โดย silicone ทีเป็น grade ที่ต่ำกว่ากว่า implant grade นั้น จากที่ผมได้เห็นเคสแก้จมูกมา พบว่า ซิลิโคน grade เหล่านั้น มันจะสร้าง พังพืด หรือ แคปซูล ล้อมรอบซิลิโคนค่อนข้างมากกว่าปกติมาก เนื่องจาก ความเสถียรของซิลิโคนเหล่านั้น อาจจะมีบางส่วนของซิลิโคนที่พออยู่ไปนานๆอาจจะ ทำให้สารต่างๆในซิลิโคน ซึมออกมาทำให้ร่างกายเราต้องพยายามสร้างพังผืดไปปกป้องอวัยวะข้างเคียง นำสู่การแก้จมูกที่ยากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น implant grade เท่านั้น ที่จะใช้ได้ตลอดชีวิตคับ
ซิลิโคนนำมาใช้เสริมจมูกอย่างไร
รูปทรงของซิลิโคนมักจะแบ่งออกกว้างๆ ได้เป็น 2 แบบ คือ i-shape และ L-shape
I-shape เป็นรูปทรงซิลิโคนที่เป็นแท่งตรงโดยที่ไม่มีขาของซิลิโคน มักจะใช้เพื่อเสริมจมูกบริเวณสัน โดยที่ไม่สามารถทำความโด่งที่ปลายจมูกได้ จึงมักใช้กับการทำจมูกที่ใช้เทคนิคลงแผลเปิดแบบโอเพ่น โดยเสริมซิลิโคส i-shape ที่สัน ส่วนที่ปลายไม่มีซิลิโคน แต่ใช้การปรับโครงสร้างกระดูกปลายจมูกด้วย SEG อ่านเรื่องนี้ได้ที่ เสริมจมูกโอเพ่น vs เสริมจมูกแบบปิด.
ส่วน L-shape เป็นซิลิโคนที่มีขา ข้อดีคือได้ความโด่งบริเวณปลายจมูกด้วย ซึ่งเป็นทรงซิลิโคนที่มักจะใช้กันในการเสริมจมูก
รูปแสดงซิลิโคนแมนทิส หรือ ทรงตั๊กแตน ยอดฮิตตลอดกาลในเมืองไทย จะเห็นว่า ส่วนหางซิลิโคน (ก็คือจมูกบริเวณระหว่างตา) ค่อนข้างเรียวละมีความโค้งเว้า รับกับหน้าผาก ส่วนสันซิลิโคนทรงแมนทิสนี้ค่อนข้างจะดูโก่งเล็กน้อย ทำให้หลายคนทำซิลิโคนชนิดนี้แล้วดูสันไม่สโลป ถ้าทำจริงควรจะต้องเหลาสันออกให้สโลปมากยิ่งขึ้น ส่วนหัวซิลิโคน มีความโค้ง ทำให้ความตึงที่ปลายลดลง (รูปด้านล่างเป็นซิลิโคนอีกแบบนึง ที่หัวไม่ได้มีความโค้งแบบนี้ จะทำให้เกิดความตึงของปลายจมูกมากกว่า) แต่ส่วนหัวนั้นค่อนข้างกว้าง ทำให้มักพบปัญหาซิลิโคนทะลุออกมาจากแปลผ่าตัดได้บ่อย เนื่องจากถูกความกว้างนั้นดันแผลออกมา และอีกทั้งยังพบบ่อยมากว่า กระดูกอ่อนปลายจมูกถูกกดทับ จนผิดรูปจากซิลิโคน
อันนี้เป็นซิลิโคนอีกประเภทนึง จะเห็นว่า หางซิลิโคน ค่อยข้างกว้าง ถ้าไม่เหลาออกให้เรียวจะทำให้ จมูกช่วงระหว่างตาดูใหญ่ กว้าง ช่วงสันค่อนข้างตรง ถ้าอยากได้สโลปต้องเหลาออกหน่อย ช่วงหัวมีความโค้งน้อยกว่าแมนทิส ส่วนความกว้างของหัวไม่มากเท่าแมนทิส
ผมอยากเสริมเล็กน้อยเรื่องความโค้งของหัวซิลิโคน มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับการทะลุของซิลิโคน จุดที่ลูกศรชี้คือจุดที่ผิวหนังบางที่สุดของจมูก และทะลุได้ง่าย ถ้าซิลิโคนส่วนหัวมีความโค้งมากหน่อย ทำให้ไม่ไปดันบริเวณนั้นมาก ก็จะทำให้การทะลุลดลงได้
เหลา หรือ ไม่เหลา
เหลา ไม่เหลา อาหารจีนรึป่าว แฮร่!!! ไม่ใช่แล้วครับ
ซิลิโคนแบ่งเป็นซิลิโคนสำเร็จรูป กับซิลิโคนที่เป็นแท่งสี่เหลี่ยมหรือแบบเหลาหรือแบบบล็อก
ซิลิโคนสำเร็จรูปก็เป็นซิลิโคนที่ทำขึ้นรูปมาเรียบร้อยแล้ว โดยทำการทดลองแล้วว่าเป็น universal design ที่จะสามารถใช้ได้กับทุกคนที่ไม่ได้มีปัญหาหรือความต้องการที่เกินกว่ารูปทรงนี้จะใช้ แต่ซิลิโคนสำเร็จรูปก็ไม่ได้แปลว่าคุณหมอไม่ได้เหลาออกอีกนะครับ คุณหมอก็ต้องเหลาเพิ่มอีกเพื่อให้รับกับใบหน้าของคนนั้นอีก
ส่วนซิลิโคนแบบแท่งสี่เหลี่ยม เป็นซิลิโคนคุณหมอต้องเหลาเองทั้งหมดเพื่อให้ได้ทรงตามที่ต้องการ
ถามว่าจำเป็นมั้ย ที่ต้องใช้ซิลิโคนแบบเหลาแบบนี้ คำตอบคือ จำเป็นและไม่จำเป็นครับ
จะจำเป็นในกรณีที่จมูกของคนไข้ไม่ได้รูปทรงที่ต้องการตามการประเมิน ก็จะใช้ซิลิโคนแบบเหลา แต่จะก็ไม่จำเป็นในกรณีที่จมูกของคนไข้มีอยู่บ้างแล้วอยากจะได้เพิ่มอีกเล็กน้อย แบบนี้ซิลิโคนสำเร็จรูปก็อาจจะเพียงพอครับ แต่สำหรับที่ปกป้องคลินิกของเรา จะไม่มีซิลิโคนแบบสำเร็จรูปครับ เป็นแบบเหลาทุกเคส
ความนิ่มของซิลิโคน
โดยทั่วไปซิลิโคนจะมีความนิ่มอยู่ประมาณ 3 ระดับ โดยเราจะเรียกค่าที่ใช้วัดความนิ่มว่า Durometer (D) โดยยิ่งตัวเลขที่มากขึ้น จะเป็นตัวบอกว่าความแข็งของซิลิโคนจะมากขึ้นเช่นกัน ;
Durometer 10-20 (D10-20) : เป็นความนิ่มที่ต่ำที่สุด โดยส่วนมากมักจะเป็นซิลิโคนรูปแบบสำเร็จรูปเพราะด้วยความนิ่มขนาดนี้จะเหลาได้ยาก และที่นิยมมากมักจะใช้ในซิลิโคนประเภท two-tone คือ บริเวณหัวของซิลิโคนจะเป็นความนิ่ม D10-20 ส่วนบริเวณตัวจะเป็น D40
Durometer 40 (D40) : เป็นความนิ่มของซิลิโคนที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากเป็นความนิ่มที่เพียงพอและเหมาะสมกับการทำให้สันจมูกดูชัดขึ้น ที่ปกป้องคลินิกเรานิยมใช้ ความนิ่มที่ D40 นี้ เนื่องจากสามารถเหลาปรับทรงได้ง่าย
Durometer 50-60 (D50-60) : เป็นความนิ่มของซิลิโคนที่ส่วนตัวผมมองว่า แข็งเกินไปสำหรับการนำเสริมจมูก
เหลาซิลิโคนอย่างไรให้ดูรับกับใบหน้า
ทีนี้พอเราทราบว่ายังไงก็ตามก็ต้องเหลาไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนสำเร็จหรือซิลิโคนแท่ง แล้วเราจะเหลาอย่างไรละ ให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นแท่งเหมือนทำจมูกมา
เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารูปร่างของจมูกที่เป็นธรรมชาติเป็นอย่างไร และรูปทรงจมูกเป็นอย่างไร ซึ่งผมจะแบ่งเป็นด้านหน้าตรง และด้านข้าง
ด้านหน้าตรง
ผมแบ่งกระดูกจมูกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนระหว่างตา (nasion) ส่วนกลาง(rhinion) และส่วนเหนือปลายจมูก(supratip) ถ้าทุกคนลองคลำความกว้างของกระดูกแต่ละส่วนจะพบว่า ส่วน nasion จะแคบ ส่วน rhinion จะกว้าง และส่วน supratip จะแคบ เพราะฉะนั้นแล้วรูปทรงซิลิโคนก็ต้องเป็นตามนี้ครับ เพื่อไม่ให้ดูเป็นแท่ง ดังเช่นในรูปด้านบน เส้นสีน้ำเงินแสดงให้เห็นว่ารูปจมูกของผู้หญิงคนนี้มีลักษณะแคบ-กว้าง-แคบ หรืออย่างเช่นซิลิโคนแมนทิสที่ใช้กันก็จะเห็นว่าเป็นลักษณะ แคบ-กว้าง-แคบ เช่นเดียวกัน
ส่วนด้านข้าง
การเสริมจมูกจำต้องทำให้รับกับองศาต่างๆ ดังในลิ้งค์นี้ครับ ทรงจมูก ทรงไหนสวยและรับกับใบหน้า
ข้อดี ข้อเสียของซิลิโคน
มาเริ่มด้วยข้อดีกันก่อนเลยดีกว่าครับ ข้อดีคือ
1. ทำได้ง่าย เสียรูปได้ยาก การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนสามารถทำได้ง่าย เหลาได้ไม่ยาก หลังจากใส่ไปไม่ว่าจะนานแค่ไหนซิลิโคนก็ไม่เสียรูปร่างไป เนื่องจากมี elasticity ที่ดีมากๆ
2. แก้ไขได้ง่าย การถอกซิลิโคนทำได้ง่ายมากๆ แค่เปิดแผลพอเห็นซิลิโคน คีบออกมานิดเดียวก็ออกมาทั้งชิ้นได้เลย
3. ทำให้ปราศจากเชื้อได้ง่าย สามารถมานำเข้าเครื่อง sterile ที่ใช้ความร้อนสูงได้ โดยที่ไม่มีปัญหาใดๆ
มาถึงข้อเสียกันบ้างครับ
1. ทะลุ เกิดได้ง่ายมากจากซิลิโคนที่ทำเกินเนื้อของคนไข้เกินไป
2. เอียง เนื่องจากซิลิโคนไม่ใช่วัสดุที่มีรูพรุน จึงไม่มีเนื้อเยื่อมายึดติดกับเข้าไปในตัวซิลิโคน การเบี้ยว เอียงจึงเกิดขึ้นได้ง่าย
3. เกิดแคปซูลหุ้มซิลิโคน ทุกเคสที่เสริมด้วยซิลิโคนจะมีแคปซูลหุ้มทั้งหมดแหละครับ แคปซูลในที่นี่ก็คือ เป็นกลไกของร่างกายที่สร้างขึ้นมาห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอม หรือเรียกง่ายๆว่าพังพืดก็ได้ครับ ในเคสที่แคปซูลหนาและมีปริมาณ ก็จะทำให้เกิดการดึงรั้ง ให้จมูกดูสั้นลง โดยที่เคสที่มีโอกาสเกิดแคปซูลได้มาก จะเป็นเคสที่มีเลือดคั่งมาก หรือ บวมนานหลังการผ่าตัด
เนื้อเยื่อเทียมคืออะไร
เนื้อเยื่อเทียม หรือที่ใช้กันอยู่แพร่พลายคือตัว megaderm ซึ่งเป็นชื่อแบรนของเกาหลี
ชื่อทางการแพทย์จริงๆ คือ acellular dermal matrix (ADM) แปลตามตัวเลย ก็แปลว่า ส่วนของผิวหนังแท้ที่ไม่มีเซลล์อยู่ ซึ่งกระบวนการผลิตนั่นผลิตมาจากผิวหนังของมนุษย์ โดยทำการนำส่วนของผิวหนังกำพร้าออกจนหมดเหลือแต่ส่วนหนังแท้ และทำการแยกเซลล์ออกจาก ADM (เนื่องมาจากเซลล์ จะทำให้เกิดการต่อต้านของร่างกายขึ้นเมื่อนำมาใช้) จากนั้นก็มาทำการ sterile หรือทำให้ปราศจากเชื้อโดยใช้ลำแสง E beam
ลักษณะของเนื้อเยื่อเทียมนี้ หรือ megaderm plus จะมีขนาดกว้างยาว 1*1 cm หนาโดยประมาณ 3-4 cm โดยตัวเนื้อเยื่อเทียมนี้จะเป็นวัสดุที่มีรูพรุน เนื้อเยื่อในร่างกายเราจะสร้างเข้าไปในรูพรุนนั้น (เหมือนเวลาเราทำโครงลวดเป็นรั้วแล้วให้ไม้เลื้อยขึ้นนั่นแหละ ให้ลองนึกภาพประมาณนั้น) ทำให้เวลาใช้ในการเสริมจมูกจะดูเสมือนจริงมากขึ้น โดยตัวมันเองจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนในการสลาย แต่ที่ได้หลังจากนั้นก็คือจะเป็นเนื้อเยื่อของเราเองที่หลงเหลืออยู่ แต่อย่างไรก็ดีเนื้อเยื่อที่สร้างได้หลังจากนั้น จะไม่ได้หนาเท่าเนื้อเยื่อเทียม
การนำเนื้อเยื่อเทียมมาใช้ทำจมูก
เนื้อเยื่อเทียมสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ในหลายเงื่อนไขเลยนะครับ โดยแรกเริ่มเดิมทีเลย เค้าจะมาใช้ในเคสที่เป็นเคสอุบัติเหตุ หรือ เคสที่เป็นแผลไฟไหม้ แล้วแผลหายช้า การวาง ADM ก็ทำให้ช่วยเรื่องการสมานของแผลที่ไวขึ้น
ส่วนการนำไปใช้ในการเสริมจมูก จริงๆตัว megaderm นี้มีหลายแบบบนะครับ หลายคนยังไม่ทราบว่า มีทั้งแบบที่ขนาดใหญ่หน่อยที่สามารถนำมาเสริมที่สันจมูกแทนซิลิโคนก็ได้ หรือ ทำมาหุ้มซิลิโคน เพื่อป้องกันการเห็นขอบซิลิโคนก็ได้ หรือ นำมาใช้ในเคสแก้ที่มีปัญหาพังพืดดึงรั้งรอบซิลิโคน พอเลาะเอาพังผืดออกแล้วผิวไม่เรียบ ก็สามารถจะนำ megaderm มาวางบริเวณนั้นได้
แต่ที่นิยมมากที่สุดก็คือการนำเอามาวางรองปลายซิลิโคน เพื่อเพิ่มความยาวของจมูก และเพิ่มความหนา ความแข็งแรงของผิวหนังที่ปลายจมูก
เนื้อเยื่อเทียม vs กระดูกหลังหู
ซึ่งเนื่องจากการใช้งานของ เนื้อเยื่อเทียมกับกระดูกหลังหูนั่นใกล้เคียงกัน ในเรื่องของการรองปลายจมูก ดังนั้น ผมมักจะต้องตอบคำถามนี้บ่อยมากว่าอะไรนั่นดีกว่า ผมขอเปรียบเทียบเป็นข้อๆแล้วกัน ในแง่ต่างๆ แล้วกันนะครับ
1. ความหนา เนื้อเยื่อเทียมมีความหนามากกว่ากระดูกหลังหู จึงได้ความโด่งที่ปลายมากกว่า แต่จะโด่งมากกว่าแค่ในช่วง 3 เดือนแรก แต่หลังจากนั้น เนื้อเยื่อเทียมจะเริ่มสลาย เนื้อเยื่อตัวเองที่สร้างขึ้นมาแทนจะได้ความหนาไม่มาก ทำให้ความโด่งของปลายดรอปลงไปค่อนข้างเยอะ ซึ่งถ้ามองระยะยาวแล้ว หลังหูชนะ
2. ความธรรมชาติ กระดูกอ่อนหลังหู ซึ่งถ้านำมารองปลายซิลิโคน นานๆไปมันจะพบว่าคลำได้เป็นขอบของกระดูกอ่อน การที่กระดูกหลังหูมาใช้นั้นส่วนใหญ่ผมจะแนะนำว่าควรทำมารองแบบที่ไม่ได้วางบนซิลิโคน สามารถอ่านเรื่อง กระดูกอ่อนหลังหูเอามาใช้ทำจมูกได้อย่างไร ที่ลิ้งค์นี้เพิ่มเติมได้ ส่วนเนื้อเยื่อเทียมนั้นค่อนข้างกลืนไปกับผิวเราได้ดีกว่า แต่ก็อย่างที่บอกในข้อที่ว่าปลายจะดรอปค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าวัดกันแค่เรื่องความธรรมชาติก็ถือว่าข้อนี้ เนื้อเยื่อเทียมชนะไป
3. การต่อต้านจากร่างกาย จริงๆแล้ว การนำมาใช้ของทั้งสองสิ่งนั้น การต่อต้านจากร่างกาย ผมมีความเห็นว่าพบได้น้อยมากๆๆๆ แต่ปัญหาปลายแดงต่างๆ ส่วนมากมาจากการทำโดยที่ปลายตึงเกินไป หรือ เกิดจากภาวะติดเชื้อนั่นเอง สรุปข้อนี้เสมอกันไป
4. สุดท้ายข้อเสียที่ผมเห็นว่า เป็นจุดด้อยของเนื้อเยื่อเทียมที่มีมากกว่ากระดูกหลังหู น่าจะเป็นการย้อนแย้งในตัวเองของเรื่อง การสร้างเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นจากเนื้อเยื่อเทียม ซึ่งการสร้างเนื้อเยื่อดังกล่าวนี้นั่นก็คือ พังพืดนั่นเอง การเกิดขึ้นของพังพืด ก็ทำให้การที่จะแก้ในครั้งต่อๆไปทำได้ยากขึ้น จากประสบการณ์ของผม พังพืดที่เกิดขึ้นจากเนื้อเยื่อเทียมนั้นแข็งมากๆๆๆๆ
สรุปเรื่องซิลิโคนและเนื้อเยื่อเทียม
ที่ได้เขียนมายืดยาวทั้งหมดที่ผมมีประเด็นสำคัญที่อยากจะบอกกับทุกๆคนไว้ว่า ไม่ว่าคลินิกที่ทุกคนเลือกที่ทำการเสริมจมูกนั้น จะใช้ซิลิโคนแบบไหน จะใช้เนื้อเยื่อเทียมหรือไม่ หรือจะใช้เทคนิคอื่นในการเสริมจมูก ผมเชื่อมั่นว่าทางเลือกที่คุณหมอท่านได้เลือกให้นั่นเป็นทางที่เค้าเห็นว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ และเค้าถนัดในเทคนิคนั้นที่เค้าใช้อยู่ แต่ผมว่าก็หวังว่า บทความนี้จะทำให้เราทุกคนเห็นภาพอะไรบางอย่าง ว่าจริงๆการทำจมูกโดยเสริมซิลิโคนธรรมดาๆ มันก็ยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ มากมายที่จะให้จมูกเราสวย ดูดี อย่างเป็นธรรมชาติ
Comments