ความต้องการในการทำจมูกปัจจุบันสำหรับคนไทย ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปในเรื่องของสโลปปลายพุ่ง บทความนี้ผมจะเน้นไปในเรื่องของทรงจมูกสโลป ปลายพุ่งเป็นหลัก ว่าจริงๆแล้วควรจะสโลปขนาดไหน ปลายควรจะพุ่งขนาดไหนถึงจะดูเหมาะสม ก่อนอื่นลองหันข้าง แล้วให้เพื่อนข้างๆ ถ่ายรูปหน้าด้านข้าง แล้วอ่านไปพร้อมๆกันเลยครับ
ผมเคยเขียนบทความไว้ก่อนหน้านี้ ถึงเรื่องทรงจมูก ซึ่งเป็นการอธิบายแบบคร่าวๆ เกี่ยวกับทรงจมูกในรูปแบบต่างๆไปแล้วรอบนึง ซึ่งสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ => ทรงจมูก ทรงไหนสวย และรับกับใบหน้า
อย่าลืมรับชมภาพเคสรีวิวได้ดีที่ >>> รวมภาพรีวิวเคสปกป้องคลินิก
โดยเราจะพุ่งไปประเด็นไปเรื่องคือ สโลป และปลายพุ่ง ผมขอเรื่องต้นด้วยเรื่องสโลปก่อน
สันจมูกสโลป
เวลาเราพูดถึงเรื่องสโลป เราจะหมายถึงบริเวณสันจมูก ที่สโลปหรือโค้ง รับกับกระดูกหัวคิ้ว โดยก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจถึงว่าสันจมูกนั้นจะมีจุดที่เราต้องทำความเข้าใจอยู่ 2 จุด คือ คำว่า nasion และ rhinion
nasion คือจุดที่เป็นรอยต่อระหว่างกระดูกหน้าผากกับกระดูกจมูก หรือ เป็นจุดที่เวลาใส่ซิลิโคนจะไปสิ้นสุดที่จุดนี้ หรือสังเกตุง่ายๆคือ ถ้ามองจากภายนอกเป็นจุดที่เวลาเราทำหน้าตรงและมองตรงไปข้างหน้า จุดนี้จะอยู่ที่ระดับเดียวกับบริเวณชั้นตาหรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย
rhinion คือจุดที่เป็นรอยต่อระหว่างกระดูกแข็งของจมูก กับกระดูกอ่อนของจมูก หรือ มันคือจุดที่เป็น hump ของจมูกเรานั่นเอง ซึ่งก็เป็นตัวกำหนดความสโลปของจมูกได้เช่นกัน ถ้า hump หรือ rhinion สูงก็จะทำให้ความสโลปลดลงไปได้เช่นกัน
โดยความสโลปนี้ก็จะขึ้นอยู่กับความโด่งหรือความสูงของ nasion นั่นเอง ความสูงของ nasion นี้ควรจะขึ้นกับอะไรบ้างเพื่อให้เกิดการสโลป
1. nasofrontal angle พูดง่ายๆคือ เป็นองศาของสันจมูกเมื่อเทียบกับกระดูกหัวคิ้ว องศาตรงนี้ควรจะอยู่ประมาณ 120 -135 ถ้ากว้างกว่านี้ก็จะดูแข็งไป ถ้าแคบกว่านี้จมูกก็จะดูหักเกินไป
2. ความสูงของปลายจมูกควรจะอยู่สูงกว่า nasion ประมาณ 6-10 mm นั่นแปลว่า ความสูงของ nasion ก็ถูกกำหนดด้วยความโด่งของปลายจมูกด้วยเช่นกัน ถ้า ปลายยืดได้ไม่เยอะ nasion ก็ไม่ควรจะสูงมากเช่นกัน
3. ทีนี้อีกข้อนึงคือ nasion ที่สูงขึ้นหน่อยจะทำจมูกแลดูยาวขึ้นเล็กน้อยได้เช่นกัน
ทีนี้พอพูดถึงความยาวจมูก เลยอยากจะลองเสริมโดยให้สังเกตุ จมูกตัวเองนิดนึงว่า ยาวหรือสั้นเหมือนเทียบกับใบหน้าบริเวณอื่น โดยดูได้จากการวัด 2 แบบนี้
แบบขวานี้เป็นการวัดความยาวของปลายจมูก คือการวัดความยาวจนถึงปลายจมูก โดยวัดจาก nasion ถึงปลายจมูก(ระยะระหว่างเส้นสีแดงทั้งสองเส้น) ซึ่งควรพอๆกับระยะที่วัดจากระหว่างปากบน-ล่าง ถึงปลายคาง(ระยะระหว่างเส้นสีเขียวทั้งสองเส้น) ในคนนี้จะดูด้วยตาเปล่าก็พอจะเห็นว่าระยะระหว่างปากบน-ล่างถึงปลายคางจะดูยาวกว่า ความยาวจมูกเล็กน้อย
ส่วนแบบซ้ายนี้ก็คือการวัดเทียบกับความยาวของหน้าส่วนบนและส่วนล่างตามที่เคยอธิบายไปใน ทรงจมูกทรงไหนสวยและรับกับใบหน้า โดยเป็นการวัดฐานของจมูก ไม่ได้วัดที่ปลายจมูก เป็นการดูว่าฐานจมูกยาวหรือสั้นไปเมื่อเทียบกับส่วนอื่นของใบหน้า
ปลายพุ่ง
ปลายพุ่งนี้เป็นปัญหากับจมูกของคนไทยค่อนข้างมากเพราะ เนื่องจากแรง support ของกระดูกอ่อนปลายจมูกนี้ค่อนข้างน้อย หรือ กระดูกอ่อนค่อนข้างไม่ได้รูป และไม่แข็งแรง สามารถอ่านเรื่องกระดูกอ่อนปลายจมูกได้ที่ ==> เย็บอินเตอร์โดมคืออะไร มีข้อดีอย่างไร เย็บอินเตอร์อย่างเดียวได้หรือไม่
ทีนี้เรามาดูก่อนต่อเลยว่าปลายพุ่งที่เหมาะสมควรจะพุ่งแค่ไหน โดยผมจะให้พิจารณาจากค่าต่างๆ 3 ส่วนนี้คือ ;
1. Goode's index : เป็นการเปรียบเทียบระยะ AC กับ BC โดยที่เหมาะสมหรือ AC/BC ควรจะไม่ต่ำว่า 0.67 ถ้าน้อยกว่านี้ แปลว่าพุ่งน้อยเกินไป โดยคนด้านบน หาอัตราส่วนจะพบว่า 152/216 = 0.7 นั้นแปลว่าความพุ่งของปลายอยู่ในระดับที่น่าพึ่งพอใจ
2. nasolabial angle : เป็นองศาที่บ่งบอกความเหินหรืองุ้มของปลายจมูก โดยองศาที่เหมาะสำหรับผู้หญิง คือ 95-100 ส่วนผู้ชาย ประมาณ 90 องศา ซึ่งยิ่งเหินก็จะยิ่งทำให้ดูพุ่งขึ้นด้วยนั่นเอง
3. ความสัมพันธ์ระหว่างปีกจมูก และ columella จุดนี้เป็นจุดที่สำคัญอีกจุดที่หลายคนมองข้าม ทำให้เวลาทำจมูกอย่างไร ปลายก็ดูไม่สวยซักทีและจมูกดูสั้น หนา โดยปัญหานี้ที่พบบ่อยในคนไทยมี 2 แบบคือ
3.1 columella หดสั้น
columella คือส่วนที่ของจมูกตามในรูปด้านบน columella ที่หดสั้นนั้นเกิดมาจากตัวกระดูกอ่อนแกนกลางที่สั้น หรืออาจจะเกิดจากกระดูกปลายจมูกที่เล็กได้เช่นกัน ซึ่ง columella ที่สั้นนั้นก็จะทำให้ความสัมพันธ์ของ ปีกจมูก กับ columella เกิดความไม่สมดุลได้
3.2 ปีกจมูกห้อย
ตามรูปด้านบน รูป c คือปีกจมูกห้อย โดยเกณฑ์การตัดสินคือ เมื่อเราลากเส้นแบ่งกลางรูจมูก ถ้าปีกจมูก ต่ำกว่าเส้นดังกล่าว เกิน 1.5 mm จะถือว่าปีกจมูกห้อย แต่ในความเห็นจริงแล้วถ้า หันข้างแล้วพบว่าปีกจมูกลงมาปิดกลบรูจมูก ก็ถือว่าปีกจมูกห้อยแล้ว ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการตัดปีกจมูกแผลในได้นั่นเอง
อ่านเรื่องตัดปีกจมูกได้ที่ เรื่องควรรู้ ก่อนตัดปีกจมูก
ดังตัวอย่างเคสด้านบนเป็นเคสตัวอย่างของปีกจมูกห้อย (เคสนี้มีการแก้จมูกร่วมด้วย) จะสังเกตุเห็นว่า หลังจากตัดปีกจมูกแผลใน ปัญหาเรื่องปีกจมูกห้อยดูน้อยลง (ปีกจมูกด้านข้างดูเว้าขึ้น ไม่โค้งลงเหมือนก่อนแก้) ซึ่งทำให้ภาพรวมของจมูกหลังแก้ไข ดูเรียวละยาวขึ้นโดยปริยาย
สรุป
จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของทางทฤษฎี แต่ทีนี้ beauty เป็นเรื่องของ personal เป็นหลัก ความสวยของบางคน อาจจะไม่ได้สวยสำหรับอีกคน แต่ในฐานะหมอ การพูดถึงทฤษฎีก็จะมีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อให้เราอยู่ในกรอบไม่ทำอะไรที่เกินหรือต่ำกว่าขอบเขตจนเกินไป ซึ่งคนเรานั้นสามารถที่จะสวยในแบบของตนเองได้ เราไม่สามารถที่จะเป็นแบบคนอื่นได้ทั้งหมด แต่แค่เพียงเป็นตัวของเราเองที่ดีสุดสำหรับตัวเราเองก็น่าจะเพียงพอแล้ว โดยผมหวังว่าถ้าใครได้อ่านและเข้าใจ จะได้รู้ความต้องการของตนเองมากๆยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงอยากจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ตามคนอื่นไปเท่านั้น
Comments